เพิ่มมูลค่ายางก้อนถ้วยด้วยการผลิตเป็นยางเครพ
จากการที่ราคายางตกต่ำต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานาน ทำความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางเป็นอย่างมาก ชาวสวนยางก็พยายาม
ที่จะหาทางลดต้นทุนการผลิตยาง ในขณะเดียวกันก็หาทางที่จะทำให้ยางมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นจะเห็นว่าเกษตรกรชาวสวนยางหันมาให้ความสนใจ
ทำยางก้อนถ้วยกันมากขึ้น เนื่องจากการทำยางแผ่นดิบจะต้องลงทุนในส่วนอุปกรณ์ทำแผ่น เช่น ถังรวบรวมน้ำยาง ตะกงถาดหรือตะกงตับ
เมโทรแลค เครื่องจักรรีดยาง บ่อล้างยาง รถตากยาง และโรงทำยางแผ่น เป็นต้น ซึ่งจะต้องลงทุนประมาณ 5 บาทต่อยางแผ่น 1 กก. และจากการ
ที่สถานการณ์ราคายางตกต่ำ ชาวสวนยางไม่อยากเพิ่มต้นทุนการทำยางแผ่น จึงหันมาทำยางก้อนถ้วย ซึ่งนอกจากจะทำง่ายแล้วยังขายได้เร็วกว่า
ยางแผ่นอีกด้วย เพราะยางก้อนถ้วยเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับยางแท่ง
ที่จะหาทางลดต้นทุนการผลิตยาง ในขณะเดียวกันก็หาทางที่จะทำให้ยางมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นจะเห็นว่าเกษตรกรชาวสวนยางหันมาให้ความสนใจ
ทำยางก้อนถ้วยกันมากขึ้น เนื่องจากการทำยางแผ่นดิบจะต้องลงทุนในส่วนอุปกรณ์ทำแผ่น เช่น ถังรวบรวมน้ำยาง ตะกงถาดหรือตะกงตับ
เมโทรแลค เครื่องจักรรีดยาง บ่อล้างยาง รถตากยาง และโรงทำยางแผ่น เป็นต้น ซึ่งจะต้องลงทุนประมาณ 5 บาทต่อยางแผ่น 1 กก. และจากการ
ที่สถานการณ์ราคายางตกต่ำ ชาวสวนยางไม่อยากเพิ่มต้นทุนการทำยางแผ่น จึงหันมาทำยางก้อนถ้วย ซึ่งนอกจากจะทำง่ายแล้วยังขายได้เร็วกว่า
ยางแผ่นอีกด้วย เพราะยางก้อนถ้วยเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับยางแท่ง
ชาวสวนยางภาคอีสานนิยมผลิตยางก้อนถ้วย
รายงานจากบทความของคุณปรีดิ์เปรม ทัศนกุล นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา (ศูนย์วิจัยยาง
สงขลา) เรื่อง ขายยางก้อนถ้วยโดยตรง หรือจะแปรรูปเป็นยางเครพดี กล่าวว่า ปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกยางทางภาคอีสานนิยมผลิตก้อนถ้วยกัน
มากขึ้น เนื่องจากใช้น้ำน้อย ประหยัดค่าแรงงาน ต้นทุนต่ำ และที่สำคัญยังมีเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นได้อีก จึงมักมีข้อสงสัยว่าเมื่อผลิต
ยางก้อนถ้วยแล้วจะนำไปขายทันทีหรือนำไปแปรรูปเป็นยางเครพต่อ อย่างไหนจะให้ค่าตอบแทนสูงกว่ากัน และควรจะลงทุนหรือไม่ และมีปัญหา
ตามมาอีกว่า ถ้าผลิตยางเครพแล้วจะไปขายที่ไหน ล้วนแล้วแต่เป็นคำถามที่คาใจเกษตรกรชาวสวนยางหลาย ๆ ท่าน
สงขลา) เรื่อง ขายยางก้อนถ้วยโดยตรง หรือจะแปรรูปเป็นยางเครพดี กล่าวว่า ปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกยางทางภาคอีสานนิยมผลิตก้อนถ้วยกัน
มากขึ้น เนื่องจากใช้น้ำน้อย ประหยัดค่าแรงงาน ต้นทุนต่ำ และที่สำคัญยังมีเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นได้อีก จึงมักมีข้อสงสัยว่าเมื่อผลิต
ยางก้อนถ้วยแล้วจะนำไปขายทันทีหรือนำไปแปรรูปเป็นยางเครพต่อ อย่างไหนจะให้ค่าตอบแทนสูงกว่ากัน และควรจะลงทุนหรือไม่ และมีปัญหา
ตามมาอีกว่า ถ้าผลิตยางเครพแล้วจะไปขายที่ไหน ล้วนแล้วแต่เป็นคำถามที่คาใจเกษตรกรชาวสวนยางหลาย ๆ ท่าน
ยางแผ่น ยางก้อนถ้วยและยางเครพ
คุณปรีดิ์เปรม อธิบายความหมายของยางแต่ละชนิดให้เข้าใจอย่างง่าย ๆ ว่า ยางแผ่นดิบ ผลิตจากน้ำยางสด นำมาจับตัวด้วยกรดรีดเป็น
แผ่น แล้วผึ่งให้แห้ง ความหนาบางของยางแผ่นจำกัดอยู่ที่ 3.2-3.8 มิลลิเมตร แล้วมาตรฐานยางแผ่นดิบจะจำกัดความชื้นที่ระดับ 1-3 %,3-5 %
และ 5-7 % ยางแผ่นดิบถ้าความชื้นเกินกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป โอกาสที่ราจะเกิดขึ้นได้ง่าย จึงต้องนำยางแผ่นไปรมควันเพื่อให้ยางแห้ง และ
ควันไม้จะมีสารป้องกันเชื้อราที่ช่วยเก็บยางให้นานขึ้น ยางแผ่นที่รมควันแล้วจะนำไปอัดก้อนหรืออัดแท่ง ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ หากนำไป
อัดแท่งจะเรียก ยางแผ่นรมควันอัดแท่ง ถ้าอัดก้อนจะเรียก ยางแผ่นรมควันอัดก้อน ยางแผ่นรมควันแบ่งเป็น 6 เกรด คือ RSS1X, RSS1,
RSS2, RSS3, RSS4 และ RSS5
แผ่น แล้วผึ่งให้แห้ง ความหนาบางของยางแผ่นจำกัดอยู่ที่ 3.2-3.8 มิลลิเมตร แล้วมาตรฐานยางแผ่นดิบจะจำกัดความชื้นที่ระดับ 1-3 %,3-5 %
และ 5-7 % ยางแผ่นดิบถ้าความชื้นเกินกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป โอกาสที่ราจะเกิดขึ้นได้ง่าย จึงต้องนำยางแผ่นไปรมควันเพื่อให้ยางแห้ง และ
ควันไม้จะมีสารป้องกันเชื้อราที่ช่วยเก็บยางให้นานขึ้น ยางแผ่นที่รมควันแล้วจะนำไปอัดก้อนหรืออัดแท่ง ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ หากนำไป
อัดแท่งจะเรียก ยางแผ่นรมควันอัดแท่ง ถ้าอัดก้อนจะเรียก ยางแผ่นรมควันอัดก้อน ยางแผ่นรมควันแบ่งเป็น 6 เกรด คือ RSS1X, RSS1,
RSS2, RSS3, RSS4 และ RSS5
ยางก้อนถ้วย คือยางที่ทำให้จับตัวกันเป็นก้อนในถ้วยรับน้ำยาง ยางที่ได้จึงเป็นก้อนตามลักษณะถ้วยน้ำยางก้อนยางที่ผลิตได้จะมีสีขาว
และสีค่อยคล้ำขึ้น ความชื้นจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อทิ้งไว้หลายวัน ยางก้อนถ้วยแบ่งเป็น 3 ประเภทตามระดับความชื้น คือ ยางก้อนถ้วยสด หมาด แห้ง
ยางก้อนถ้วยสดเป็นยางที่มีอายุ 1-3 วัน ปริมาณความชื้นอยู่ที่ระดับ 45-55 เปอร์เซ็นต์ ผิวของก้อนยางจะมีสีขาวจนถึงสีขาวขุ่น เมื่อกดหรือสัมผัส
จะมีความนุ่มและคืนตัวได้เร็ว ภายในก้อนยางจะมีของเหลวหรือน้ำเซรุ่มไหลออกมา ยางก้อนถ้วยหมาด มีอายุของก้อนยาง 4-7 วัน ปริมาณ
ความชื้นอยู่ที่ระดับ 35-45 เปอร์เซ็นต์ ผิวของก้อนยางมีสีขาวขุ่นจนถึงสีน้ำตาลอ่อน เมื่อกดหรือสัมผัสจะมีความนุ่มเล็กน้อยจนถึงกึ่งแข็ง ก้อนยาง
เริ่มแห้งโดยไม่มีของเหลวไหลออกมาก ส่วน ยางก้อนถ้วยแห้ง มีอายุของก้อนยางมากกว่า 15 วันขึ้นไป ปริมาณความชื้นน้อยกว่า 35 เปอร์เซ็นต์
ผิวของก้อนยางมีสีน้ำตาลเข้ม มีความแห้งและแข็ง ส่วน
และสีค่อยคล้ำขึ้น ความชื้นจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อทิ้งไว้หลายวัน ยางก้อนถ้วยแบ่งเป็น 3 ประเภทตามระดับความชื้น คือ ยางก้อนถ้วยสด หมาด แห้ง
ยางก้อนถ้วยสดเป็นยางที่มีอายุ 1-3 วัน ปริมาณความชื้นอยู่ที่ระดับ 45-55 เปอร์เซ็นต์ ผิวของก้อนยางจะมีสีขาวจนถึงสีขาวขุ่น เมื่อกดหรือสัมผัส
จะมีความนุ่มและคืนตัวได้เร็ว ภายในก้อนยางจะมีของเหลวหรือน้ำเซรุ่มไหลออกมา ยางก้อนถ้วยหมาด มีอายุของก้อนยาง 4-7 วัน ปริมาณ
ความชื้นอยู่ที่ระดับ 35-45 เปอร์เซ็นต์ ผิวของก้อนยางมีสีขาวขุ่นจนถึงสีน้ำตาลอ่อน เมื่อกดหรือสัมผัสจะมีความนุ่มเล็กน้อยจนถึงกึ่งแข็ง ก้อนยาง
เริ่มแห้งโดยไม่มีของเหลวไหลออกมาก ส่วน ยางก้อนถ้วยแห้ง มีอายุของก้อนยางมากกว่า 15 วันขึ้นไป ปริมาณความชื้นน้อยกว่า 35 เปอร์เซ็นต์
ผิวของก้อนยางมีสีน้ำตาลเข้ม มีความแห้งและแข็ง ส่วน
ยางเครพ เป็นยางที่ได้จากการนำยางก้อนถ้วยรีดผ่านเครื่องจักรรีดเครพ (Creper) สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจน คือ ยางที่รีดออกมามีลักษณะ
ติดกันเป็นผืนยาวตามปริมาณของยางที่ป้อนเข้าเครื่อง และมาตรฐานของยางเครพคุณภาพดีจะจำกัดความหนาไม่เกิน 3 มิลลิเมตร ส่วนลายบน
ผืนยางจะต้องเป็นลายดอกที่ชัดเจน เพื่อให้ยางแห้งเร็วและมีความยืดหยุ่นดี ทนต่อแรงดึงดูดสูง
ติดกันเป็นผืนยาวตามปริมาณของยางที่ป้อนเข้าเครื่อง และมาตรฐานของยางเครพคุณภาพดีจะจำกัดความหนาไม่เกิน 3 มิลลิเมตร ส่วนลายบน
ผืนยางจะต้องเป็นลายดอกที่ชัดเจน เพื่อให้ยางแห้งเร็วและมีความยืดหยุ่นดี ทนต่อแรงดึงดูดสูง
ยางเครพมีหลายคุณภาพชั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบยางที่นำมาผลิต เช่น เศษยางสกปรกปนดิน เมื่อมารีดผ่านเครื่องเครพจึงเรียกว่า
ยางขี้เครพดิน ถ้าเป็นยางที่จับตาจากหางน้ำยางมาผลิต เรียกว่า ยางเครพหางน้ำยาง หรือ มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า ยางสกิมเครพ แต่ถ้าทำจาก
น้ำยางสด เรียกว่า ยางเครพเหลือง เป็นต้น
ยางขี้เครพดิน ถ้าเป็นยางที่จับตาจากหางน้ำยางมาผลิต เรียกว่า ยางเครพหางน้ำยาง หรือ มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า ยางสกิมเครพ แต่ถ้าทำจาก
น้ำยางสด เรียกว่า ยางเครพเหลือง เป็นต้น
“การนำยางก้อนถ้วยคุณภาพดีมาผลิตเป็นยางเครพก็จะได้ยางเครพคุณภาพดี สามารถส่งโรงงานผลิตยางเครพโดยตรง เช่น โรงงานรองเท้า
โรงงานยางล้อ หรือขายให้กับโรงงานยางแท่งที่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคได้”
โรงงานยางล้อ หรือขายให้กับโรงงานยางแท่งที่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคได้”
คุณปรีดิ์เปรม อธิบายถึงคุณภาพของยางเครพว่า ยางเครพที่ผลิตจากยางก้อนถ้วยคุณภาพดี แบ่งเป็น 3 เกรด ตามปริมาณสิ่งสกปรกและ
ปริมาณความชื้น ยางเครพที่ผึ่งนาน 15-20 วัน จะมีความชื้นเหลืออยู่ประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากเก็บไว้นานหนึ่งเดือนขึ้นไป ความชื้นจะ
เหลืออยู่น้อยกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ แต่หากความชื้นที่น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ สามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะนำยางเครพ
เหล่านี้เข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นยางแท่งต่อไป
ปริมาณความชื้น ยางเครพที่ผึ่งนาน 15-20 วัน จะมีความชื้นเหลืออยู่ประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากเก็บไว้นานหนึ่งเดือนขึ้นไป ความชื้นจะ
เหลืออยู่น้อยกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ แต่หากความชื้นที่น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ สามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะนำยางเครพ
เหล่านี้เข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นยางแท่งต่อไป
ยางก้อนถ้วยคุณภาพดีจะผลิตเป็นยางเครพเกรดสูง
คุณปรีดิ์เปรม อธิบายต่ออีกว่า การผลิตยางก้อนถ้วยคุณภาพดีจะสามารถผลิตเป็นยางเครพหรือยางแท่งเกรดสูง คือ STR10 ยางก้อนถ้วย
ที่ใช้กรดฟอร์มิคจับตัวยางจะมีคุณภาพดีกว่ายางก้อนถ้วยที่จับตัวเอง คือมีความยืดหยุ่นดีกว่าไม่ใช้กรดฟอร์มิค โดยใช้กรดฟอร์มิคจับตัวยางในถ้วย
รองรับน้ำยาง ใช้ระยะเวลาในการจับตัวอย่างสมบูรณ์ประมาณ 45 นาที เช่นเดียวกับยางก้อนที่จับตัวน้ำยางในกะบะ ภาชนะรองรับน้ำยางต้องสะอาด
ยางก้อนถ้วยที่ใช้กรดจับตัวจะได้ยางที่จับตัวดีอย่างสมบูรณ์ยางจะจับตัวดีกว่าไม่ใช้กรด เมื่อจับตัวดีแล้วให้ตะแคงถ้วยยางเพื่อให้น้ำเซรุ่มไหล
ออกมาจากถ้วยยาง และจะสามารถจะจับตัวได้อีก เนื่องจากเซรุ่มมีฤทธิ์เป็นกรด เป็นการลดปริมาณการใช้น้ำกรดในวันถัดไป หากกรีดน้ำยางด้วย
ระบบกรีด 2 วันเว้น 1 วัน ให้ลดปริมาณการใช้กรดลงครึ่งหนึ่ง และที่สำคัญเกษตรกรจะต้องไม่ใส่ขี้เปลือกหรือสารปลอมปนใด ๆ ลงในน้ำยาง เช่น
เกลือ น้ำส้มควันไม้ น้ำหมักชีวภาพ หรือยางตาย เพราะจะทำให้คุณสมบัติของยางต่ำลง ไม่ว่าจะเป็นค่าความสกปรก ความยืดหยุ่น เป็นต้น
ที่ใช้กรดฟอร์มิคจับตัวยางจะมีคุณภาพดีกว่ายางก้อนถ้วยที่จับตัวเอง คือมีความยืดหยุ่นดีกว่าไม่ใช้กรดฟอร์มิค โดยใช้กรดฟอร์มิคจับตัวยางในถ้วย
รองรับน้ำยาง ใช้ระยะเวลาในการจับตัวอย่างสมบูรณ์ประมาณ 45 นาที เช่นเดียวกับยางก้อนที่จับตัวน้ำยางในกะบะ ภาชนะรองรับน้ำยางต้องสะอาด
ยางก้อนถ้วยที่ใช้กรดจับตัวจะได้ยางที่จับตัวดีอย่างสมบูรณ์ยางจะจับตัวดีกว่าไม่ใช้กรด เมื่อจับตัวดีแล้วให้ตะแคงถ้วยยางเพื่อให้น้ำเซรุ่มไหล
ออกมาจากถ้วยยาง และจะสามารถจะจับตัวได้อีก เนื่องจากเซรุ่มมีฤทธิ์เป็นกรด เป็นการลดปริมาณการใช้น้ำกรดในวันถัดไป หากกรีดน้ำยางด้วย
ระบบกรีด 2 วันเว้น 1 วัน ให้ลดปริมาณการใช้กรดลงครึ่งหนึ่ง และที่สำคัญเกษตรกรจะต้องไม่ใส่ขี้เปลือกหรือสารปลอมปนใด ๆ ลงในน้ำยาง เช่น
เกลือ น้ำส้มควันไม้ น้ำหมักชีวภาพ หรือยางตาย เพราะจะทำให้คุณสมบัติของยางต่ำลง ไม่ว่าจะเป็นค่าความสกปรก ความยืดหยุ่น เป็นต้น
“เกษตรกรไม่ควรกรีดยางเกินกว่า 4 มีด หากเกินกว่านี้น้ำยางจะหกล้น ยางที่กรีด 6 มีด ปริมาณเนื้อยางแห้งของยางในวันรุ่งขึ้นอยู่ที่
60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่พ่อค้ารับซื้อจะประเมินที่ 50 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งกรีดถึง 8 มีด จะถูกกดราคาให้มีปริมาณน้ำยางแห้งต่ำลง 10-15 เปอร์เซ็นต์”
คุณปรีดิ์เปรม อธิบาย
60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่พ่อค้ารับซื้อจะประเมินที่ 50 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งกรีดถึง 8 มีด จะถูกกดราคาให้มีปริมาณน้ำยางแห้งต่ำลง 10-15 เปอร์เซ็นต์”
คุณปรีดิ์เปรม อธิบาย
เมื่อรวบรวมยางก้อนถ้วยสดได้ปริมาณมากพอแล้ว นำมาวางกองบนพื้นซีเมนต์ที่สะอาด ยางก้อนถ้วยสดหากจะนำมาผลิตเป็นยางเครพ
ทันที ค่าความยืดหยุ่นของยางจะอยู่ที่ระดับ 26-28 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติของยางแท่ง STR10 จะต้องได้ต่ำกว่า 30 แต่ถ้าบ่มทิ้งไว้นาน
เกินกว่า 30 วัน จะทำให้ค่าความยืดหยุ่นของยางเพิ่มขึ้น 5-7 หน่วย แต่ถ้าจะนำยางเครพที่ผลิตใหม่ ไปผลิตเป็นยางแท่ง ควรบ่มยางเครพไว้
ทันที ค่าความยืดหยุ่นของยางจะอยู่ที่ระดับ 26-28 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติของยางแท่ง STR10 จะต้องได้ต่ำกว่า 30 แต่ถ้าบ่มทิ้งไว้นาน
เกินกว่า 30 วัน จะทำให้ค่าความยืดหยุ่นของยางเพิ่มขึ้น 5-7 หน่วย แต่ถ้าจะนำยางเครพที่ผลิตใหม่ ไปผลิตเป็นยางแท่ง ควรบ่มยางเครพไว้
ไม่น้อยกว่า 20 วัน จะสามารถเพิ่มค่าความยืดหยุ่นของยางได้เช่นกัน
การผลิตยางเครพจากยางก้อนถ้วยคุณภาพดี
กรณีที่จะนำยางก้อนถ้วยมาผลิตเป็นยางเครพ ให้รวบรวมยางก้อนถ้วยสดในปริมาณที่มากพอ วางกองไว้บนพื้นซีเมนต์ที่สะอาด นำยางก้อน
สดน้ำหนัก 15-20 กก. ผ่านเครื่องรีดเครพดอกหยาบที่มีน้ำหล่อเหนือลูกกลิ้งเพื่อเป็นการชะล้างสิ่งสกปรกให้หลุดออกไปได้ง่าย และให้ยางนิ่ม
ยางเมื่อผ่านเครื่องเครพหลาย ๆ ครั้งจะสะอาดขึ้นตามลำดับ ยางที่เป็นก้อนใหญ่จะถูกบด เฉือน และผสมกันเพื่อให้ยางเป็นก้อนขนาดเล็กลง หากมี
เศษยางตกตามพื้นให้เก็บยางผ่านเครื่องรีดให้หมด ยางที่ผ่านเครื่องรีดเครพจะคลุกเคล้าผสมกันและจับตัวติดกัน หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 10 ครั้ง
ยางที่เป็นก้อนจะถูกบด และรีดให้เนื้อยางมีความสม่ำเสมอมากขึ้น และจะได้แผ่นยางที่ติดกันเป็นผืนยาวประมาณ 5 เมตร หลังจากนั้นนำยางแผ่น
ไปผ่านเครื่องรีดเครพดอกกลางหรือดอกละเอียดอีก 5-7 ครั้ง เพื่อให้แผ่นยางมีความบางลง ต่อจากนั้นนำยางเครพไปผึ่งให้แห้งในบริเวณที่มี
อากาศถ่ายเทสะดวก โดยใช้ระยะเวลาในการผึ่งไม่น้อยกว่า 20 วัน หากต้องการให้ยางแห้งเร็วขึ้น อาจต้องนำยางไปอบให้แห้ง
สดน้ำหนัก 15-20 กก. ผ่านเครื่องรีดเครพดอกหยาบที่มีน้ำหล่อเหนือลูกกลิ้งเพื่อเป็นการชะล้างสิ่งสกปรกให้หลุดออกไปได้ง่าย และให้ยางนิ่ม
ยางเมื่อผ่านเครื่องเครพหลาย ๆ ครั้งจะสะอาดขึ้นตามลำดับ ยางที่เป็นก้อนใหญ่จะถูกบด เฉือน และผสมกันเพื่อให้ยางเป็นก้อนขนาดเล็กลง หากมี
เศษยางตกตามพื้นให้เก็บยางผ่านเครื่องรีดให้หมด ยางที่ผ่านเครื่องรีดเครพจะคลุกเคล้าผสมกันและจับตัวติดกัน หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 10 ครั้ง
ยางที่เป็นก้อนจะถูกบด และรีดให้เนื้อยางมีความสม่ำเสมอมากขึ้น และจะได้แผ่นยางที่ติดกันเป็นผืนยาวประมาณ 5 เมตร หลังจากนั้นนำยางแผ่น
ไปผ่านเครื่องรีดเครพดอกกลางหรือดอกละเอียดอีก 5-7 ครั้ง เพื่อให้แผ่นยางมีความบางลง ต่อจากนั้นนำยางเครพไปผึ่งให้แห้งในบริเวณที่มี
อากาศถ่ายเทสะดวก โดยใช้ระยะเวลาในการผึ่งไม่น้อยกว่า 20 วัน หากต้องการให้ยางแห้งเร็วขึ้น อาจต้องนำยางไปอบให้แห้ง
คุณปรีดิ์เปรม กล่าวว่า ลักษณะภายนอกของยางเครพที่รีดใหม่ เนื้อมีสีขาวอมเทาเล็กน้อย ความหนาของแผ่นประมาณ 3 มิลลิเมตรโดย
เฉลี่ย มีปริมาณเนื้อยางแห้งเฉลี่ย 75 เปอร์เซ็นต์ ยางเครพที่ผลิตได้นำไปผี่งให้แห้งในโรงเรือนที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกประมาณ 15-25 วันเพื่อ
รอจำหน่าย ยางที่แห้งแล้วจะมีสีเหลืองอมน้ำตาล มีปริมาณเนื้อยางแห้งเฉลี่ย 95-97 เปอร์เซ็นต์ ถ้าปริมาณการผลิตเพิ่มมากขึ้นมากกว่า 3 ตันต่อวัน
ควรเพิ่มเครื่องรีด เครพชนิดดอกหยาบเพื่อความรวดเร็วในการผลิต
เฉลี่ย มีปริมาณเนื้อยางแห้งเฉลี่ย 75 เปอร์เซ็นต์ ยางเครพที่ผลิตได้นำไปผี่งให้แห้งในโรงเรือนที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกประมาณ 15-25 วันเพื่อ
รอจำหน่าย ยางที่แห้งแล้วจะมีสีเหลืองอมน้ำตาล มีปริมาณเนื้อยางแห้งเฉลี่ย 95-97 เปอร์เซ็นต์ ถ้าปริมาณการผลิตเพิ่มมากขึ้นมากกว่า 3 ตันต่อวัน
ควรเพิ่มเครื่องรีด เครพชนิดดอกหยาบเพื่อความรวดเร็วในการผลิต
คุณปรีดิ์เปรม กล่าวต่ออีกว่า เนื่องจากเกษตรกรที่ผลิตยางก้อนถ้วยถูกกดราคา 10-15 เปอร์เซ็นต์ ของราคาจำหน่าย ผลมาจากการประเมิน
ความชื้นในยางก้อนถ้วยด้วยสายตา ยิ่งผลิตจำนวนมีดกรีดมากขึ้น เกษตรกรก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้นด้วย แต่หากผลิตเป็นยางเครพจะต้องลงทุนเพิ่ม
ไม่ต่ำกว่า กก.ละ 2 บาท เมื่อจำหน่ายจะได้ราคาเพิ่มขึ้น กก.ละไม่ต่ำกว่า 10 บาทโรงงานยางแท่งที่จะรับซื้อยางเครพจากเกษตรกรมักจะมีความ
กังวลไม่มั่นใจในคุณภาพที่อาจจะมีสารปลอมปนปะปนอยู่ในส่วนของยางเครพ
ความชื้นในยางก้อนถ้วยด้วยสายตา ยิ่งผลิตจำนวนมีดกรีดมากขึ้น เกษตรกรก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้นด้วย แต่หากผลิตเป็นยางเครพจะต้องลงทุนเพิ่ม
ไม่ต่ำกว่า กก.ละ 2 บาท เมื่อจำหน่ายจะได้ราคาเพิ่มขึ้น กก.ละไม่ต่ำกว่า 10 บาทโรงงานยางแท่งที่จะรับซื้อยางเครพจากเกษตรกรมักจะมีความ
กังวลไม่มั่นใจในคุณภาพที่อาจจะมีสารปลอมปนปะปนอยู่ในส่วนของยางเครพ
“สำหรับเกษตรกรชาวสวนยางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่นิยมผลิตยางก้อนถ้วยอยู่แล้ว สามารถนำมาผลิตเป็นยางเครพที่สามารถเพิ่มมูลค่า
ได้ไม่แพ้กับการทำยางแผ่นดิบ ปัจจุบันโรงงานแปรรูปยางมีอยู่ทุกภาคของประเทศ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นยางแผ่น ยางก้อนถ้วยหรือยางเครพ ล้วนแต่
เป็นทางเลือกให้เกษตรกรตัดสินใจได้ไม่ยาก ตลาดรับซื้อจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกษตรกรเลือกผลิตยางแต่ละประเภทที่จะเพิ่มมูลค่ายางที่ตนผลิต”
คุณปรีดิ์เปรม กล่าว
ได้ไม่แพ้กับการทำยางแผ่นดิบ ปัจจุบันโรงงานแปรรูปยางมีอยู่ทุกภาคของประเทศ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นยางแผ่น ยางก้อนถ้วยหรือยางเครพ ล้วนแต่
เป็นทางเลือกให้เกษตรกรตัดสินใจได้ไม่ยาก ตลาดรับซื้อจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกษตรกรเลือกผลิตยางแต่ละประเภทที่จะเพิ่มมูลค่ายางที่ตนผลิต”
คุณปรีดิ์เปรม กล่าว
หากเกษตรกรที่สนใจจะผลิตยางเครพ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยยางทั่วประเทศ และที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา(ศูนย์วิจัยยางสงขลา) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
โทรศัพท์ 0-7458-6725-30 ได้ทุกวันในเวลาราชการ
โทรศัพท์ 0-7458-6725-30 ได้ทุกวันในเวลาราชการ