เราบริการส่งให้ฟรีทั่วประเทศไทย

จากราคาป้ายหน้าเว๊ปไซต์ www.forkliftpta.com

วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ทิศทางยางพาราไทย! ในบริบทไทยแลนด์ 4.0


คมชัดลึก, เกษตรทำกิน, อุทัย สอนหลักทรัพย์, ในบริบทไทยแลนด์ 4.0, ทิศทางยางพาราไทย!, ทิศทาง, ยางพารา, ไทย, บริบท, ไทยแลนด์, ทิศทางยางพาราไทย, ในบริบทไทยแลนด์, ยางพาราบนบริบท ไทยแลนด์ 40, อุตสาหกรรม 40 หรือ INDUSTRY 40, มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

โดย - อุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานและสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประทศไทย


              อีกมุมที่ต้องจับตามอง...กับทิศทางยางพาราไทยในการก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคตในบริบทไทยแลนด์ 4.0 การยางแห่งประเทศไทยและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางทั้งประเทศผนึกกำลังจับมือร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนก้าวเดินไปด้วยกัน...
               จากการที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต อุตสาหกรรม 4.0 หรือ INDUSTRY 4.0 ปรากฏเป็นครั้งแรก อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (ปี 2560-2576) และอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 เป็นแผนพัฒนา 5 ปีแรกของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะเป็นแผนแม่บทหลักของการพัฒนาประเทศไทย โดยคาดหวังว่าภายใน 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะก้าวพ้นไปสู่ประเทศพัฒนาแล้ว และจะสามารถยกระดับรายได้ประชาชาติต่อหัวต่อปีเพิ่มจากปัจจุบัน 4,121 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ
ทิศทางยางพาราไทย! ในบริบทไทยแลนด์ 4.0

               สำหรับอีกมุมที่ต้องจับตามองในเรื่องนี้คือแผนดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ยางพารา “ยางพาราบนบริบท ไทยแลนด์ 4.0” ซึ่งจะใช้นวัตกรรมเศรษฐกิจดิจิทัล และอุตสาหกรรมอัจฉริยะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเข้าสู่ทิศทางการปฏิรูปภาคการเกษตรประเทศไทยให้แปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นอุตสาหกรรมตามนโยบาย สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งปัจจุบันได้ถูกผลักดันเข้าสู่เวทีสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) เพื่อผลักดันและวาง “แนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปแก้ปัญหาเสถียรภาพราคายางพาราอย่างยั่งยืน”
               นโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ถูกผลักดันในช่วงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาวถึง 20 ปี ที่รัฐบาลกำลังขับเคลื่อน และหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนต่างออกมาขานรับในการผลักดันให้เป็นโมเดลต้นแบบของการปฏิรูปประเทศ โดยจัดแบ่งยุคเศรษฐกิจไว้ 4 ยุค สิ้นสุดในปี 2579 ซึ่งจะเป็นแนวคิด “อุตสาหกรรม 4.0 หรือ INDUSTRY 4.0” เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่โดยคาดการว่าโลกในอนาคต อุตสาหกรรมจะแข่งขันได้จะต้องยกระดับอุตสาหกรรมเป็นอุตสาหกรรมอัจฉริยะ

ทิศทางยางพาราไทย! ในบริบทไทยแลนด์ 4.0

               ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตยางพาราเป็นอันดับหนึ่งของโลกมาตั้งแต่ปี 2534 แต่ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันกลับขายส่งออกยางพาราเป็นรูปวัตถุดิบ โดยในปี 2558 ส่งออกในรูปวัตถุดิบถึงร้อยละ 86.33 คิดเป็นปริมาณ 3.879 ล้านตัน มีมูลค่า 170,421.29 ล้านบาท แต่กลับมีการนำยางพารามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพียง 610,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 13.67 มีมูลค่ารวมประมาณ 476,347 ล้านบาท ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าจากตัวเลขที่แปรรูปเป็นวัตถุดิบ (ยางพารา) เพื่อเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มีตัวเลขที่แตกต่างกันมากเช่นนี้
              หากถามว่าสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจะปรับตัวอย่างไร ในยุคประเทศไทย 4.0 นั้น จากสภาพแวดล้อมทั้งด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งอุปสงค์และอุปทานของยางพาราที่ไม่สมดุลกันจะเป็นปัจจัยกดดันราคายาง ซึ่งในปี 2559 มีแนวโน้มที่ทรงตัว ถึงแม้ในบางช่วงราคาอาจผันผวนสูงขึ้นอย่างผิดปกติ เช่นเหตุการณ์ที่เกิดกลางเดือนมีนาคม แต่ขาดปัจจัยเอื้อทางบวกที่จะทำให้ราคายางพาราสูงขึ้นแต่กลับไปเหมือนในอดีตที่ยังไม่ปรากฏเห็นชัด ทั้งมีการคาดการณ์แนวโน้มและทิศทางยางพารา ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะต้องมีเครื่องมือในการรับรู้ถึงราคายางพาราในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในการเข้าช่วยเหลือแก้ปัญหาราคายางพารา

ทิศทางยางพาราไทย! ในบริบทไทยแลนด์ 4.0

              ขณะที่สถาบันการยางพาราแห่งประเทศไทย จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกรทั้งประเทศให้สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ และเนื่องจากพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 มาตรา 9 (2) ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยางพารา (3) สนับสนุนส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางจัดตั้งสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเพื่อลงทุนดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมเกี่ยวกับยางพาราตามที่คณะกรรมการกำหนด และมาตรา 49(3) จำนวนไม่เกินร้อยละ 35 เป็นการแปรรูปอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง และอุตสาหกรรมไม้ยาง ฯลฯ
               ดังนั้น หากการยางแห่งประเทศไทยและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางทั้งประเทศได้จับมือร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนไปด้วยกัน โดยการยางแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจะต้องพึ่งพาตนเองโดยการบริหารจัดการให้มีผลกำไรเลี้ยงองค์กรของตนเอง เพราะเกษตรกรชาวสวนยางทั้งประเทศมีประมาณ 1.6 ล้านครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกยางที่สามารถให้ผลผลิตแล้ว 19,613,559 ไร่ ก็ควรเป็นของการยางแห่งประเทศไทย ที่จะต้องมาบริหารจัดการร่วมกับเกษตรกรซึ่งสามารถรวบรวมยางทั้งประเทศที่มีอยู่ประมาณ 4.699 ล้านตัน (ปี 2558) และมีเจ้าของสวนยางอยู่ในมือ ซึ่งขะผลิตปัจจัยทางการเกษตร อาทิ ปุ๋ยจ่ายให้เกษตรกรอีกปีละไม่น้อยกว่าแสนตัน นำเงินสงเคราะห์ที่ผูกพันเข้าฝากธนาคารยาง หรือ รับเบอร์ แบงก์ ของการยางแห่งประเทศไทยเอง ก็จะสามารถบริหารจัดการ ที่สามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคายางได้

ทิศทางยางพาราไทย! ในบริบทไทยแลนด์ 4.0
อุทัย สอนหลักทรัพย์
             เพียงแต่... อาศัย พ.ร.บ.กยท. มาตรา 9 (2) (3) เพราะถ้าสถาบันเกษตรกรเข้มแข็ง คงไม่ต้องหวังพึ่งตลาดล่วงหน้าที่คอยกดราคาอยู่ เพื่อแสวงหากำไร แต่ต้องอาศัยพ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 6 (11) กำหนดยุทธศาสตร์การผลิต การจำหน่าย ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว (12 ) การกำหนดวิธีการเงื่อนไขในการซื้อขายยาง ซึ่งทางสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้นำเสนอไว้ในแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปการแก้ไขปัญหาเสถียรภาพราคายางพาราอย่างยั่งยืน และใช้งบประมาณจาก พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทยมาตรา 49 (3) มาดำเนินการบขับเคลื่อนยางพาราบนบริบท ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะเป็นการปฏิวัติอุตสากรรมใหม่ในอนาคต
             ทั้งนี้ เพื่อทำอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง เป็นอาชีพเสริม และเป็นการเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางซึ่งต่อไปในอนาคต ประเทศไทยอาจจะเป็นอุตสาหกรรมยางพาราในระดับโลก ซึ่งเป็นการรักษาให้เกษตรกรชาวสวนยางสามารถมีอาชีพที่พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนตามแนวทางของรัฐที่กล่าวไว้ว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ตลอดไป