ระยอง เปิดโรงรมควันยางพารา รักษาเสถียรภาพยางและเพิ่มมูลค่าการผลิต

ระยอง - ชุมนุมสหกรณ์จังหวัดระยอง เปิดโรงรมควันยางพารา รักษาเสถียรภาพยาง และเพิ่มมูลค่าการผลิต ด้านประธาน สยยท.ชี้เดินถูกทางแล้ว เป็นการเพิ่มมูลค่า ไม่ให้พ่อค้าคนกลางไปรับซื้อยางจากเกษตรกรในราคาที่ต่ำ พร้อมเผยในอนาคตจังหวัดระยอง อาจทำเป็นปลายน้ำ ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมผลิตเอง                 วันนี้ (7 เม.ย.) นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานพิธีเปิด “โรงรมควันยางพารา เพื่อรักษาเสถียรภาพยางและเพิ่มมูลค่าการผลิต” ที่หมู่ 9 ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยมี ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายธรรมรงค์ ไก่ฟ้า ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ เขต 3, 9 และ 14 นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระยอง นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่าย (สยยท.) ยางพาราแห่งประเทศไทย นายสงวน สัพโส ประธานเครือข่ายยางพาราภาคตะวันออก นายสังเวิน ทวดห้อย บอร์ดการยางแห่งประเทศไทย และเครือข่ายชาวสวนยางพาราจากจังหวัดระยอง จันทบุรี พะเยา อุบลราชธานี ร่วมในพิธีจำนวนมาก โดยมี นายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ นายอำเภอบ้านค่าย นายไชยา บุญญานุภาพ สหกรณ์จังหวัดระยอง นายเฉลา ฉิมภู ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์จังหวัดระยอง นายประยูร สดใส รองประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และแขกผู้มีเกียรติให้การต้อนรับ                ทั้งนี้ นายเฉลา ฉิมภู ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์จังหวัดระยอง รายงานว่า จากสถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา เกษตรกรชาวสวนยางพารา จังหวัดระยอง มีการเคลื่อนไหวชุมนุมปิดถนนประท้วงเพื่อให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน สถาบันเกษตรกรในจังหวัดระยอง ได้จัดทำโครงการสร้างโรงรมควันยางพารา เพื่อรักษาเสถียรภาพยางพาราและเพิ่มมูลค่าการผลิต เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่สมาชิกสถาบันเกษตรกร                โดยได้รับการสนับสนุนการก่อสร้างโรงรมควันยางพารา ขนาดกำลังผลิต 20 ตันต่อวัน จำนวน 4 ห้องรม พร้อมระบบสาธารณูปโภค ติดตั้งเครื่องจักรกลและอุปกรณ์จากงบประมาณของจังหวัดระยอง ในวงเงิน 23, 400,000 บาท เนื้อที่ 10 ไร่ นอกจากนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก อบจ.ระยอง จัดซื้อตาชั่งขนาด 80 ตัน และอุปกรณ์อีกหลายรายการ ชุมนุมสหกรณ์จังหวัดระยอง เริ่มทดสอบการผลิต                โดยรวบรวมผลผลิตยางพาราจากสหกรณ์ สมาชิกกลุ่มเกษตรกร และเครือข่ายสหกรณ์ผู้ผลิตยางพาราทั้งภายใน และภายนอกจังหวัด โดยดำเนินการจำหน่ายในรูปยางแผ่นดิบ ยางก้อนถ้วย ยางเอสทีอาร์ 5 และเอสทีอาร์ 20 ยางเครป ยางสกริมบล็อก และแปรรูปรมควันยางจำหน่ายให้แก่คู่ค้า ปัจจุบันมียอดจำหน่ายกว่า 1,546.77 ตัน มูลค่ากว่า 111,909,622 บาท                ด้าน นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่าย (สยยท.) แห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรงรมควันยางพาราของชุมนุมสหกรณ์ จังหวัดระยอง ที่เปิดดำเนินการเป็นการเพิ่มมูลค่ายางขึ้นมา จากการขายยางแผ่นดิบก็เพิ่มเป็นยางรมควัน มันเท่ากับเป็นการเพิ่มมูลค่า ไม่ให้พ่อค้าคนกลางไปรับซื้อยางจากเกษตรกรในราคาที่ต่ำ นี่คือสิ่งที่เราต้องทำยางก้นถ้วย หรือยางแผ่นดิบออกมาเป็นยางรมควันเพื่อขายโดยตรง ในอนาคตจังหวัดระยอง อาจทำเป็นปลายน้ำ ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ทำขาโต๊ะ ขาเก้าอี้ พื้นรองเท้า สนามฟุตซอล ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่า                นายอุทัย กล่าวว่า การสร้างโรงรมควันยางพาราซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เกษตรกรทำตัวขึ้นไปเป็นผู้ประกอบการ โดยเฉพาะสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกรซึ่งเขาสามารถจะทำการค้าได้ ผมคิดว่าชุมนุมสหกรณ์จังหวัดระยอง เดินมาถูกทางแล้ว เท่ากับว่าเป็นการตัดพ่อค้าคนกลาง การแก้ปัญหาราคายางตกต่ำต้องร่วมกันทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายบริหาร                สำหรับกรณียาง 310,000 ตัน ที่รัฐบาลขายตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ช่วงวันที่ 31 มกราคมราคายาง กก.ละ 97 บาท และขายมาจนถึงวันที่ 28 มีนาคม ราคายางลดลงเหลือ 67 บาท หายไป 30 บาทต่อ กก. เรื่องยาง 310,000 ตัน มันไม่ใช่ประเด็น ที่มันเป็นประเด็นคือยางที่อยู่ในมือพี่น้องเกษตรกรระหว่างเดือนธันวาคม-เมษายน ที่ผ่านมา มีจำนวนถึง 1,500,000 ตัน ที่ราคามันลดลง 30 บาทต่อ กก.มันมีความหมายต่อพี่น้องเกษตรกร นี่คือปัญหาในฐานะผู้นำเกษตรกรที่ต้องต่อสู้ต่อไป                ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ตลาดล่วงหน้าจีนราคายางลดลงอีก 900 กว่าหยวน ทำให้ราคายางวันนี้ลดลงอีก พอผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทยประกาศขายยางทีไร ราคายางจะส่งผลกระทบทำให้ราคาตกทุกที นี่คือปัญหา