เราบริการส่งให้ฟรีทั่วประเทศไทย

จากราคาป้ายหน้าเว๊ปไซต์ www.forkliftpta.com

วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

มาแล้ว! "ยางล้อประชารัฐ" แบรนด์ "ไทย-ไทเออร์" หนุนคนไทยใช้ยางไทย-ราคายุติธรรม






นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า กยท.ได้ริเริ่มโครงการ "ยางล้อประชารัฐ" ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่จะมีการนำยางไปใช้มากที่สุด เพราะธุรกิจยานยนต์ เป็นธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบจากยางพาราเป็นจำนวนมาก

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไทยมีผลผลิตยางประมาณ 4.47 ล้านตัน สามารถนำไปใช้ภายในประเทศประมาณ 0.6 ล้านตัน คิดเป็น 13.42% ของผลผลิตทั้งหมด และยางส่วนใหญ่ถูกใช้ในการผลิตยางยานพาหนะ 0.34 ล้านตัน คิดเป็น 56.48% ของปริมาณยางทั้งหมด ขณะเดียวกันแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศจะมีความเติบโตขึ้นในช่วงปี 2560 เนื่องจากตลาดส่งออกมีการขยายสู่ภูมิภาคอาเซียนตามแผนการส่งออกรถอีโคคาร์จากเงื่อนไขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากBOI ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น

ดังนั้น หากมีการนำผลผลิตยางไปผลิตยางล้อรถยนต์นั่งที่มีส่วนผสมของยางพาราเพิ่มขึ้น และที่สำคัญได้มาตรฐานคุณภาพในราคาต่ำกว่าท้องตลาด ก็จะเป็นโอกาสในการนำวัตถุดิบที่ผลิตได้ในประเทศ เพิ่มรายได้ให้กับประเทศชาติมากขึ้นจากที่มีการส่งออกวัตถุดิบยางประเภทต่างๆ เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม

นายธีธัช กล่าวว่า กยท.ได้รับความร่วมมือในการผลักดันการแปรรูปใช้ยางในประเทศในรูปแบบล้อยางกับบริษัทผลิตยางล้อจากเอกชน "ดีสโตน" ซึ่งเป็นแบรนด์ยางล้อของไทยที่ส่งขายทั่วโลก ทั้งในแถบเอเชียและยุโรป ได้รับความเชื่อมั่นในมาตรฐานด้านความปลอดภัย โดยโครงการดังกล่าวจะผลิตยางล้อภายใต้แบรนด์ TH-TYRE (ไทย-ไทเออร์) จะเป็นยางล้อรถจากวัตถุดิบชั้นเยี่ยมของชาวสวนยางไทย ผลิตจากบริษัทคนไทยที่มีมาตรฐานคุณภาพสากล และเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่เกิดจากการบูรณาการจากองค์กร 3 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเกษตรกร

นายธีธัช กล่าวต่อว่า แบรนด์ TH-TYRE จะผลิตล้อยางที่สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้ยานพาหนะ 3 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย ยางล้อรถมอเตอร์ไซค์ (2 ล้อ) และยางล้อรถยนต์ ซึ่งตลาดที่รองรับได้แก่ รถแท็กซี่, รถตู้, รถยนต์ทั่วไป (4 ล้อ) จะผลิตยางประเภทละ 2 รุ่น สิ่งสำคัญ คือ ผู้บริโภคที่เลือกใช้ยางแบรนด์ไทย-ไทเออร์ จะได้ใช้ยางล้อที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และที่สำคัญราคาเป็นถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป เพราะใช้วัตถุดิบและกระบวนการผลิตโดยคนไทย ภายในประเทศเราเอง

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข่าว