บริษัทประชารัฐฯพัทลุงเดินหน้าปฏิรูปวงการเกษตร หนุนกลุ่มข้าวสังข์หยดอินทรีย์ เลี้ยงปลาในนาเพิ่มรายได้ ด้านกรรมการบริหารประชารัฐฯพัทลุงควักทุนส่วนตัว เปิดโมเดลแปลงต้นยางเป็นสินทรัพย์ "รับจำนำไม้ยางพารา" แห่งแรกของประเทศ ลดความเสี่ยงนำที่ดินไปจำนอง ย้ำภาครัฐต้องประชาสัมพันธ์ให้มาก ประชาชนยังขาดความเข้าใจ
นายเงินวสวัตติ์ ลิ่มทวีสกุล กรรมการบริหาร และประธานฝ่ายการเกษตร บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีพัทลุง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด เปิดเผยว่า การจัดตั้งบริษัทประชารัฐรักสามัคคีทั้ง 76 จังหวัด เป็นลักษณะ Social Enterprise (SE) หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นรูปแบบบริษัทที่ไม่ได้หวังผลกำไร โดยมีกลุ่มเป้าหมายในการขับเคลื่อน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.เกษตร 2.แปรรูป และ 3.การท่องเที่ยว
สำหรับบริษัท ประชารัฐฯพัทลุง ในเบื้องต้นจะปฏิรูปวงการเกษตร อาทิ กลุ่มนาข้าวสังข์หยด จะมีการส่งเสริมกลุ่มข้าวสังข์หยดให้ทำนาอินทรีย์เพื่อเพิ่มมูลค่า และเลี้ยงปลาในนาข้าว พร้อมทั้งทำนาปรัง เพื่อเพิ่มรอบของรายได้
ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการเลี้ยงปลา จะส่งเสริมความรู้ในการเลี้ยงปลาต้นทุนต่ำ คุณภาพดี และจะดำเนินการหาตลาดให้ อีกทั้งยังจะส่งเสริมให้กลุ่มผู้ประกอบการเลี้ยงปลา เช่น เลี้ยงปลาบึก เพื่อให้เป็นปลาเศรษฐกิจตัวใหม่ ของจังหวัดพัทลุงต่อไป
ขณะที่กลุ่มชาวสวนยางพารา จะมีโครงการทำให้ต้นยางพาราเป็นสินทรัพย์ ที่จะสามารถจำนำได้ในภาวะที่ชาวสวนยางหมุนเงินไม่ทัน ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องจำนองหรือขายฝากที่ดินเหมือนในอดีต
"โครงการจำนำไม้ยางพารา จะทำเป็นโมเดลเป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยใช้เงินส่วนตัวของผมเอง และแม้ว่าจะนำต้นมาจำนำแล้ว เกษตรกรก็ยังสามารถกรีดยางขายน้ำยางเป็นของตนเองอยู่ ยังมีรายได้ตามปกติ เพื่อช่วยเหลือชาวสวนยาง ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังยกร่างกฎระเบียบ"
นายเงินวสวัตติ์กล่าวอีกว่า หากโครงการจำนำต้นยางพาราประสบความสำเร็จ รัฐบาลก็จะสามารถนำไปดำเนินการได้ด้วย โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เป็นผู้ดำเนินการ
"บริษัทประชารัฐเป็นบริษัทที่มีไว้เพื่อการปฏิรูปเศรษฐกิจท้องถิ่นฐานราก มีวิธีการปฏิบัติงานที่ดีมากพอสมควร แต่ทางภาครัฐบาลควรจะมีการประชาสัมพันธ์ให้มาก เพราะปัจจุบันยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจว่า บทบาทพันธกิจของบริษัทประชารัฐคืออะไร" นายเงินวสวัตติ์กล่าว
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
